Circular Fashion

Circular Fashion หมุนเวียนแฟชั่น ผลิตน้อยใช้นาน

Circular Fashion แฟชั่นหมุนเวียน คือแนวคิดการออกแบบ ผลิต ใช้ และจัดการเสื้อผ้าโดยมุ่งเน้นให้เกิด “วงจรการใช้ทรัพยากรแบบยั่งยืน” แทนที่จะผลิตแล้วทิ้ง (linear fashion) ซึ่งก่อให้เกิดขยะจำนวนมหาศาล Circular Fashion จึงเป็นการสร้างระบบแฟชั่นที่ “ไม่ทิ้งอะไรเลย” หรือทิ้งให้น้อยที่สุด และหมุนเวียนใช้ทรัพยากรเดิมซ้ำ ๆ ให้นานที่สุด

หลักการของ Circular Fashion

Circular Fashion 1

  • ออกแบบให้คงทน (Design for Longevity)
    ใช้วัสดุคุณภาพสูง ทนทาน และเปลี่ยนซ่อมได้
    เน้น timeless design ไม่ตามแฟชั่นจาง ๆ
  • ใช้ซ้ำและซ่อมแซม (Reuse & Repair)
    ส่งเสริมการซื้อของมือสอง / แลกเปลี่ยนเสื้อผ้า
    ส่งเสริมบริการซ่อมแซมมากกว่าทิ้ง
  • รีไซเคิลและ upcycle (Recycle & Upcycle)
    แปรรูปเสื้อผ้าเก่าให้กลายเป็นวัตถุดิบใหม่หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เปลี่ยนกางเกงเก่าเป็นกระเป๋า
    ใช้วัสดุรีไซเคิลตั้งแต่ต้น เช่น เส้นใยพลาสติกจากขวดน้ำ PET
  • การให้เช่า (Rental Fashion)
    สำหรับชุดที่ใส่เฉพาะโอกาส เช่น ชุดออกงาน สูท หรืองานแฟชั่น
  • ลดการซื้อแล้วเก็บหรือทิ้งไว้ไม่ใช้
    คืนกลับธรรมชาติ (Biodegradable / Compostable Materials)
    ใช้เส้นใยที่ย่อยสลายได้ เช่น คอตตอน ออร์แกนิก ลินิน ป่าน หรือแม้แต่เส้นใยจากผลไม้ (pineapple leather, banana fiber ฯลฯ)

ตัวอย่างแบรนด์ที่ทำ Circular Fashion

  • Patagonia
    ซ่อมฟรี ส่งคืนผลิตภัณฑ์เก่าเพื่อรีไซเคิล
  • Eileen Fisher
    มีระบบรับซื้อเสื้อเก่ากลับมาเพื่อรีไซเคิล
  • H&M (Conscious line)
    มีโปรแกรมรับคืนเสื้อผ้าเพื่อการแปรรูป
  • Stella McCartney
    ใช้วัสดุรีไซเคิล ไม่มีการใช้หนังสัตว์
  • The R Collective
    นำเศษผ้าเหลือจากอุตสาหกรรมมาผลิตเสื้อผ้าใหม่

ประโยชน์ของ Circular Fashion

  • ลดขยะสิ่งทอที่ปัจจุบันมีมากกว่า 90 ล้านตันต่อปีทั่วโลก
  • ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากน้ำเสีย สารเคมี และก๊าซเรือนกระจก
  • เพิ่มคุณค่าของทรัพยากร ทำให้เสื้อผ้ามีอายุการใช้งานยาวนาน
  • สร้างอุตสาหกรรมแฟชั่นที่รับผิดชอบและโปร่งใส
Scroll to Top